ทำไมประเทศไทยมีคนจนเยอะ

ทำไมประเทศไทยยังมีคนจนจำนวนมาก?

การมี “คนจน” เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากปัจจัยหลายด้านซึ่งเชื่อมโยงกัน — ตั้งแต่โครงสร้างเศรษฐกิจและตลาดแรงงานไปจนถึงระบบการศึกษาและนโยบายรัฐ ข้อสรุปหลัก ๆ มีดังนี้

1. ปัจจัยทางโครงสร้าง

  • เศรษฐกิจสองระดับ (Dual Economy)
    ภาคเกษตรยังจ้างงานราว 30 % ของแรงงานทั้งหมด แต่ผลิตมูลค่าเพิ่มเพียง ~8 % ของ GDP ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อหัวในชนบทต่ำกว่ากลุ่มเมืองอย่างมาก
  • ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่
    กรุงเทพมหานครและจังหวัดหัวเมืองใหญ่สร้าง GDP ต่อหัวสูงกว่าภาคอื่น ๆ หลายเท่า การกระจายโครงสร้างพื้นฐาน การลงทุน และบริการสาธารณะจึงไม่สม่ำเสมอ
  • ตลาดแรงงานขนาดใหญ่ในภาคไม่เป็นทางการ (informal sector)
    แรงงานนอกระบบคิดเป็น ~55–60 % ของแรงงานทั้งหมด ขาดหลักประกันทางสังคมและรายได้ไม่สม่ำเสมอ

2. ปัจจัยทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน

  • ผลิตภาพ (productivity) ต่ำ
    ภาคเกษตรและ SME ส่วนมากใช้เทคโนโลยีไม่สูง การลงทุนด้าน R&D ต่ำ จึงดึงรายได้เฉลี่ยต่อแรงงานทั้งระบบให้ต่ำลง
  • ค่าจ้างขั้นต่ำและเศรษฐกิจค่าจ้างต่ำ (low-wage trap)
    แม้มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ แต่ค่าครองชีพในเมืองใหญ่ปรับขึ้นเร็วกว่ารายได้ ทำให้แรงงานยากจะหลุดพ้นความยากจน
  • ช่องว่างทักษะ (skills gap)
    ตลาดต้องการแรงงานทักษะกลาง-สูง แต่แรงงานจำนวนมากจบการศึกษาต่ำกว่า ม.6 หรือสาขาวิชาชีพไม่ตรงกับความต้องการอุตสาหกรรมใหม่

3. ปัจจัยด้านนโยบายสาธารณะ

  • สวัสดิการถ้วนหน้าไม่เต็มรูปแบบ
    โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยได้บางส่วน แต่ยังจำกัดเมื่อเทียบกับระดับความช่วยเหลือในประเทศรายได้ปานกลางอื่น
  • ระบบภาษีและการโอนย้ายรายได้
    สัดส่วนรายได้ภาษีต่อ GDP ต่ำ (~15 %) และอัตราก้าวหน้าไม่สูงพอ จึงลดความเหลื่อมล้ำได้จำกัด
  • กระบวนการประเมินคนจน (means-testing)
    เกณฑ์วัดรายได้/ทรัพย์สินอาจไม่สะท้อนภาวะจริง เช่น แรงงานนอกระบบที่รายได้ไม่แน่นอน ทำให้บางกลุ่มที่เปราะบางอาจพลาดสิทธิ

4. ปัจจัยทางสังคมและภูมิภาค

  • โครงสร้างครัวเรือนสูงวัย
    สัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่ม (21 % ในปี 2023) แต่เงินออมวัยเกษียณต่ำ รายได้ครัวเรือนจึงลดลง โดยเฉพาะในชนบท
  • หนี้ครัวเรือนสูง
    หนี้ครัวเรือนต่อ GDP เกิน 90 % ทำให้รายได้ที่ควรใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตถูกดึงไปชำระดอกเบี้ย
  • คุณภาพการศึกษาและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล
    คะแนน PISA และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงในชนบทยังตามหลัง ทำให้ลดโอกาสสั่งสมทุนมนุษย์ (human capital) รุ่นใหม่

5. ปัจจัยเชิงสถานการณ์

  • COVID-19 และการท่องเที่ยวหยุดชะงัก
    ในปี 2020–2021 อัตราความยากจนทางรายได้ (National Poverty Line) เพิ่มขึ้นจาก 6.8 % เป็น 8.8 % ตามข้อมูล NESDC
  • ความผันผวนเศรษฐกิจโลกและภัยพิบัติ
    ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แรงกดดันภูมิอากาศ และน้ำท่วมกระทบรายได้เกษตรกรบ่อยครั้ง

6. สิ่งที่กำลังทำและข้อเสนอเชิงนโยบาย

  1. ยกระดับโครงสร้างพื้นฐานชนบท: ถนน ดิจิทัล และการชลประทานเพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์
  2. ปฏิรูปการศึกษา–อาชีวะ: มุ่งทักษะดิจิทัลและเทคโนโลยีขั้นสูงให้สอดรับอุตสาหกรรม S-Curve
  3. ขยายประกันสังคมและสวัสดิการถ้วนหน้า: กองทุนบำนาญพื้นฐาน–เบี้ยยังชีพสูงวัยในระดับที่พอเลี้ยงชีพได้
  4. ส่งเสริมผลิตภาพ SME: เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ + ที่ปรึกษาเทคโนโลยี + cluster นวัตกรรม
  5. ปรับโครงสร้างภาษีให้ก้าวหน้าขึ้นและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น
  6. ยกระดับข้อมูลทะเบียนสวัสดิการ (Digital ID + Big Data) เพื่อลดการตกหล่นของผู้มีสิทธิตัวจริง

7. สรุป

ประเทศไทยมีความยากจนจำนวนมากเพราะระบบเศรษฐกิจเกื้อหนุนผลิตภาพต่ำ ความเหลื่อมล้ำเชิงพื้นที่ ทักษะแรงงานไม่ตรงกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ และสวัสดิการยังปิดช่องโหว่ได้ไม่ครบ ปัญหาจึงต้องแก้ทั้งเชิงโครงสร้าง (ลดช่องว่างเมือง–ชนบท, ยกระดับทักษะ) และเชิงนโยบาย (เพิ่มสวัสดิการและภาษีก้าวหน้า) พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและประชากรสูงวัย


แหล่งข้อมูลอ้างอิง (ตัวอย่าง)

  • สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC). รายงานภาวะเศรษฐกิจและความยากจน ปี 2022.
  • ธนาคารโลก (World Bank). Thailand Economic Monitor: June 2023.
  • OECD. School Education in Thailand 2020.
  • IMF Article IV Consultation Report, Thailand 2022.