สรุปใจความสำคัญ
บทสัมภาษณ์คุณรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหนึ่งในตัวเต็งผู้ว่าการฯ คนใหม่ ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งหลังของปี 2025 จะเผชิญแรงกดดันสำคัญจากความไม่แน่นอนของมาตรการเก็บภาษีศุลกากรสหรัฐ และความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ
เศรษฐกิจไทยที่เติบโตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังโควิด-19 — โดยปี 2024 โตเพียง 2.5% และคาดปีนี้แค่ 2.3% — ยังคงเผชิญปัญหาเชิงโครงสร้าง ทั้งหนี้ครัวเรือนสูงและกำลังซื้อที่ซบเซา ขณะที่สถานการณ์การเงินระหว่างประเทศเริ่มเข้มข้นขึ้น
วิเคราะห์เจาะลึก
สาเหตุและผลกระทบ
- แรงกระแทกจากภายนอก: มาตรการภาษีของสหรัฐที่อาจบังคับใช้ ย่อมทำให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก
- ปัญหาโครงสร้างภายใน: หนี้ครัวเรือนสูง-การบริโภคอ่อนแรง คือสิ่งที่เพาะไว้ตั้งแต่ก่อนโควิด-19 ที่ยังแก้ไม่ขาด
- ความไม่แน่นอนทางการเมือง: การถูกแขวนตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ยังไม่กระทบปัจจัยพื้นฐาน แต่ย่อมฉายภาพปัญหาเชิงสถาบันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจบั่นทอนความมั่นใจนักลงทุนในระยะกลางถึงยาว
ท่าทีของธปท.
ธปท.เลือกคงดอกเบี้ยนโยบายหลังลดมาหลายครั้ง พร้อมย้ำว่าต้อง "ยืดหยุ่น" เพื่อรักษานโยบายการเงินให้อยู่ในระดับเอื้อต่อการไหลเวียนของเศรษฐกิจ หากเศรษฐกิจถดถอยมากกว่าที่คาด ธปท.ก็พร้อมผ่อนคลายนโยบายอีก
ถกปัญหาและมุมมองขยาย
เหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญ?
เศรษฐกิจไทยเผชิญแรงบีบจากทั้งภัยนอก (เช่น เทรดวอร์, ปัญหา supply chain และดอลลาร์แข็งค่า) และขีดจำกัดภายใน เช่น โครงสร้างประชากรสูงวัย หนี้ครัวเรือน สังคมการเมืองที่ไม่เสถียร นโยบายการเงินจึงไม่ใช่แค่เรื่องอัตราดอกเบี้ย หากแต่คือการประสานกับนโยบายการคลังและการปฏิรูปเชิงโครงสร้างที่ล่าช้า
คำถามและความท้าทาย
- หากเกิดวิกฤตซ้อนทั้งเศรษฐกิจและการเมือง จะมีเครื่องมืออะไรเหลือช่วยรองรับ?
- การพักนโยบาย อย่างที่ ธปท.ทำตอนนี้ ให้ผลลัพธ์แค่ "ซื้อเวลา" หรืออาจนำไปสู่การตัดสินใจปฏิรูปเชิงลึกได้จริง?
- การเมืองและการบริหารเศรษฐกิจจะแยกขาดกันได้จริงหรือ ในรากฐานของระบบราชการไทย?
มองในบริบทกว้าง
กลยุทธ์ของธปท.ที่พยายามยืดหยุ่น สะท้อนปัญหาที่ประเทศรายได้ปานกลางหลายแห่งเจอในโลกที่ไม่เป็นมิตรต่อการเติบโตแบบเก่า (Old-style Growth) ฝ่ายบริหารการเงินต้องเดินบนเส้นบางระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจกับการไม่ซ้ำเติมฟองสบู่หนี้
บทสรุปหรือข้อเสนอแนะ
นโยบายการเงินต้องยืดหยุ่นจริง แต่ความยืดหยุ่นเพียงอย่างเดียวอาจไม่พอหากปัญหาเชิงโครงสร้างไม่ถูกแตะต้องอย่างจริงจัง การสร้างความเชื่อมั่นทั้งต่อประชาชนและนักลงทุนต้องพึ่งปัจจัยหลายด้าน ไม่ใช่เศรษฐกิจอย่างเดียว หากต้องจับตาปัจจัยการเมืองอย่างใกล้ชิด
Comments
No comments yet. Be the first to comment!