นโยบายภาษีทรัมป์ กลับมาเป็นประเด็นร้อนในปี 2025 เมื่อสหรัฐฯ เล็งเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยสูงถึง 36% จุดประกายกระแสดราม่าทั้งในและนอกประเทศ หลายคนตั้งคำถาม—ใครคือผู้ชนะ และใครต้องเสียประโยชน์จากความเคลื่อนไหวครั้งนี้?
ทรัมป์กับอเมริกา: ทำไมต้องขึ้นภาษี?
หนึ่งในคีย์เวิร์ดการค้นหายอดนิยมคือ “ภาษีทรัมป์คืออะไร” และ “เหตุผลที่ทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า” จุดเริ่มต้นของนโยบายนี้ คือความต้องการของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อยากลดดุลการค้าขาดดุลกับไทย (และชาติอื่น ๆ) โดยมองว่าประเทศคู่ค้าขายได้มากกว่านำเข้า จึงต้องเก็บภาษีเพิ่ม เพื่อกระตุ้นให้อเมริกานำเข้าสินค้าน้อยลง
แต่แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่สร้างปัญหาให้คู่ค้า ยังย้อนกลับมากระทบคนอเมริกันเอง เมื่อสินค้าสำคัญอย่างข้าวหอมมะลิ ผลไม้ไทย และอิเล็กทรอนิกส์กลายเป็น “ของแพง” ทันที
กระทบเศรษฐกิจไทย: ทางเลือกมีจริงหรือ?
“ส่งออกไทยไปสหรัฐฯ 2025 จะเป็นอย่างไร?” คือคำถามที่หลายผู้ประกอบการอยากรู้ รายงานภาคการวิเคราะห์ชี้ว่า ภาคการผลิตอย่างรถยนต์ ชิ้นส่วน ลดลงทันทีจากต้นทุนภาษีที่สูงขึ้น ขณะที่แผนการเจรจาของไทยยังติดข้อจำกัดเรื่องอำนาจรัฐบาลรักษาการตามรัฐธรรมนูญ ทำให้โอกาสต่อรองนั้นแคบลง
5 ผลกระทบทันทีที่ไทยต้องเจอ
- สินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหารแปรรูป เผชิญต้นทุนสูงกว่าเดิม
- ผู้บริโภคอเมริกันซื้อของไทยน้อยลง ส่งผลให้ผู้ผลิตในไทยต้องลดการจ้างงาน
- ตลาดส่งออกถูกคู่แข่งแย่งชิง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย
- โอกาสการเจรจาต่อรองน้อยลงในภาวะรัฐบาลรักษาการไทย
- โครงการลงทุนจากต่างชาติสะดุดจากสัญญาณความไม่แน่นอน
คนอเมริกันได้หรือเสีย? ข้อมูลจริงที่ควรรู้
แม้เป้าหมายของทรัมป์จะเน้น “คืนฐานการผลิตกลับอเมริกา” (Bring Back Manufacturing) แต่ความจริงคนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการกลับไปทำงานโรงงาน ช่วงสั้น ๆ อาจเกิดปรากฏการณ์ราคาสินค้าในสหรัฐฯ พุ่งสูงจนชนชั้นกลางต้องปรับตัว จนเสียงค้านนโยบายนี้สูงขึ้นเรื่อย ๆ
นักวิเคราะห์ชี้ว่า "ภาษีทรัมป์ไม่ตอบโจทย์ความเป็นอยู่คนอเมริกันในปัจจุบัน" และแนวโน้มคือบริษัทข้ามชาติไม่นิยมย้ายฐานการผลิตมาอเมริกาเพราะต้นทุนไม่คุ้ม สุดท้ายอาจต้องยกเลิกหรือลดภาษีลงในอนาคต
ไทยควรเดินหมากอย่างไร?
หนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกพูดถึงมากคือ ไทยไม่ควรยอมทุกอย่างเหมือนเวียดนาม เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจต่างกัน การเปิดตลาดนำเข้ารถยนต์อเมริกันมากเกินไป อาจกระทบผู้ผลิตญี่ปุ่นและจีนที่ตั้งฐานในไทย ไทยจึงต้องต่อรองอย่างระมัดระวัง และใช้ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์แบบพันธมิตร รวมถึงข้อมูลการสกัดไม่ให้จีนใช้ไทยเป็นทางผ่านส่งออกกึ่งสำเร็จรูปสหรัฐฯ เป็นแต้มต่อ
สรุป : ของแพงขึ้น ระยะยาวนโยบายไปไม่รอด?
- นโยบายภาษีทรัมป์จะทำให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ เพิ่มสูงในระยะสั้น
- ผู้ประกอบการไทยรับผลกระทบโดยตรงจากค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
- นโยบายนี้อาจต้องปรับหรือยุติลงเมื่อเสียงคัดค้านในอเมริกามากขึ้น
- ไทยควรต่อรองเชิงกลยุทธ์และใช้พันธมิตรเศรษฐกิจเป็นแต้มต่อ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ภาษีทรัมป์กระทบสินค้าอะไรของไทยมากที่สุด? A: ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ ของใช้ไฟฟ้า ข้าวหอมมะลิ ผลไม้
Q: ไทยจะรับมืออย่างไรกับนโยบายภาษีนี้? A: ใช้กลยุทธ์เจรจาที่ไม่เสียเปรียบ, ยึดมั่นผลประโยชน์ระยะยาว, ใช้ความสัมพันธ์เชิงประวัติศาสตร์และข้อมูลเศรษฐกิจประกอบ
Q: นโยบายภาษีนี้จะคงอยู่นานไหม? A: คาดว่าอยู่ได้ในระยะสั้น เมื่อสินค้าสหรัฐฯ แพงขึ้นมาก อาจเกิดแรงกดดันให้ย้อนกลับหรือลดภาษีในอนาคต
ต้องการอัปเดตเทรนด์โลกการค้าระหว่างประเทศและนโนบายเศรษฐกิจล่าสุด? กดติดตามและแชร์บทความนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงความคิดและแนวทางของสังคมไทยในเวทีโลก!
Comments
No comments yet. Be the first to comment!