นี่ไม่ใช่แค่ภาพธรรมดาจากหน้าข่าว ชื่อของแพทองธาร ชินวัตร แปะอยู่บนป้ายประท้วงนับหมื่นกลางกรุงเทพฯ คือเสียงหัวเราะเย้ยหยันของประชาชนที่โดนกดขี่มาทั้งชีวิต คนไทยเดินขบวนเรียกหา ‘การลาออก’ แต่เรายังหลับตาแกล้งเชื่อว่านี่คือประชาธิปไตย เราแค่เปลี่ยนตัวนั่งหัวโต๊ะแล้วคิดว่าระบบจะบริสุทธิ์ขึ้น—ขอโทษเถอะ นี่ต่างหากคือระบอบพันธุ์ใหม่ของการ ‘เลือกตั้งครึ่งใบ-แปลงร่างอำนาจ’ ที่ประชาชนยังคงเป็นตัวประกอบราคาถูกบนเวทีการเมืองเศษผ้า!
แพทองธารเหมือนเบี้ยที่ฟากหนึ่งถือหัวไม้ขีด มืออีกข้างก็โยนนิ้วเรียกทหาร ฝ่ายตรงข้ามไล่ล่าล้มเธอว่าเป็นลูกหลานระบอบทักษิณ เจ้าเก่าขาประจำ... แล้วไง? เราพูด ‘การสืบทอดอำนาจ’ เหมือนเป็นมุขฮา ทั้งที่ความจริงมันขมขื่น: ไม่ว่าใครนั่ง นายกรัฐมนตรีจากครอบครัวการเมืองไหน คนไทยก็ยังเป็นเบี้ยในโครงสร้างอำนาจที่ไม่หลุดพ้น คนรุ่นใหม่ต้องรวมตัวกันกลางแดดร้อนเอาเป็นเอาตาย นั่นเพราะระบบเราเน่าตั้งแต่ราก ไม่ใช่เปลี่ยนผู้เล่น
แต่คุณดูสิ—ทำไมเล่าเราถึงชอบนั่งรอ ยิ้มแหยๆ ให้กับทุกวงจรม็อบจ๊อบ-ขิงปี๊บ อ้าง ‘ความสงบ’ ทั้งที่มันคือน้ำขุ่นมัวของความกลัวและเฉยชา พอท้องถนนเดือด เราหัวเราะใส่ผู้ชุมนุมว่าเป็นเด็กห้าว ไร้เดียงสา สุดท้ายเราทุกคนกลับยอมรับ ‘ตระกูลการเมือง’ เคียงบ่าเผด็จการ ราวกับประเทศไทยเป็นแค่ฟาร์มชั้นดีให้บรรดาเจ้าขุนมูลนายสืบพันธุ์กันต่อเนื่อง
อยากเห็น “ประชาธิปไตย” ? คำนี้เหมือนสมุดเช็คเปล่าที่ไม่มีใครกล้าขูดลบชื่อเจ้าของเดิม คนออกมาประท้วงแพทองธารไม่ใช่เพราะเกลียดเธอคนเดียว แต่เพราะทั้งระบบนี้—นักการเมือง เสื้อคลุมผู้พิพากษา ทหารที่กลายเป็นนักสวมสูท องค์กรอิสระที่โกหกในนามธรรมาภิบาล—ร่วมมือกันสร้างโลกเสมือนในชื่อ ‘ประเทศไทย’ ที่คนตัวเล็กไม่เคยมีสิทธิ์เลือกอนาคตของตัวเอง
นี่ไม่ใช่เรื่องฝ่ายไหนดีกว่ากัน หยุดซ่อนตัวหลังคำว่า ‘เลือกตั้ง’ หรือ ‘ประชาธิปไตย’ ที่กลวงเปล่า ถามง่ายๆ หนึ่งข้อ: ประเทศนี้เป็นของคนไทย หรือเป็นเพียงสนามเด็กเล่นของตระกูลที่ไม่เคยถูกแตะต้อง?
ลองตอบด้วยใจคุณ—ถ้ายังแคร์ประเทศไทยจริง คุณจะทนให้ระบบนี้หลอกกินชีวิตไปอีกกี่รุ่น?
Comments
No comments yet. Be the first to comment!