อำนาจ มาตรการ และแรงจูงใจ: เมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนการเมืองในร่างกฎหมาย

อำนาจ มาตรการ และแรงจูงใจ: เมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนการเมืองในร่างกฎหมาย
1.0x

อำนาจ มาตรการ และแรงจูงใจ: เมื่อแสงอาทิตย์สะท้อนการเมืองในร่างกฎหมาย

"ในสังคมที่เปราะบางที่สุด มักจะมีการตัดสินใจสำคัญซ่อนอยู่ใต้เงา" ถ้อยคำนี้อาจอยู่ในใจของใครหลายคน เมื่อได้ยินข่าวหรือกระแสเกี่ยวกับร่างกฎหมายใหม่ๆ ที่ดูเหมือนจะคลี่คลายข้อขัดแย้ง แต่กลับจุดคำถามว่าความโปร่งใสกับผลประโยชน์ส่วนตัวนั้น อยู่ห่างกันแค่ไหน

จุดประกายคำถามจากข่าว

หัวข้อข่าวล่าสุดจากประชาชาติธุรกิจที่ว่า "ตรีรัตน์ ลั่น พีระพันธุ์ ร่วมรัฐบาลต่อเพื่อชาติหรือผลประโยชน์ หลังพบพิรุธในร่าง กม. โซลาร์เซลล์" อาจดูเหมือนเป็นอีกหนึ่งบทอภิปรายในสภาไทย ทว่ามันกลับสะท้อนแง่มุมที่เรามักมองข้าม: อะไรเป็นตัวขับเคลื่อนเบื้องหลังการตัดสินใจเชิงนโยบาย—ความปรารถนาเพื่อส่วนรวม หรือแรงจูงใจส่วนบุคคล?

ร่างกฎหมายกับเจตนารมณ์: ระหว่างอุดมการณ์กับผลประโยชน์

ภายใต้โลกแห่งประชาธิปไตย ร่างกฎหมาย—เช่นร่าง พ.ร.บ. โซลาร์เซลล์—ควรเป็นกลไกที่รับใช้สาธารณชน เหมือนอย่างแสงแดดที่ต้องส่องทั่วถึง แต่คำถามที่ค้างคาเสมอคือ ร่างเหล่านั้นบรรจุซ่อนผลประโยชน์ของกลุ่มใดไว้บ้าง?
ผลประโยชน์ทับซ้อน (conflict of interest) กลายเป็นศัพท์สามัญในสังคมไทย การร่วมรัฐบาลภายใต้ข้ออ้าง “เพื่อชาติ” จึงอาจเป็นเพียงวาทกรรมที่สร้างความชอบธรรมให้การคงอำนาจ ไม่ได้ตอบโจทย์ความโปร่งใสเลย

การตัดสินใจเชิงนโยบาย แรงจูงใจที่อาจซ่อนอยู่
พัฒนาพลังงานสะอาด เปิดโอกาสให้เอกชนรายใหญ่/คนใกล้ชิดได้สิทธิ์สัมปทาน
แก้ไขกฎหมายการกระจายรายได้ มีเงื่อนไขพิเศษสำหรับบางกลุ่ม
อ้างประโยชน์ชาติ แท้จริงเพื่อผูกขาดอำนาจหรือทรัพยากร

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยกับบทเรียนสากล

เหตุการณ์คล้ายคลึงในต่างประเทศมีให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในกรณีการล็อบบี้ของกลุ่มพลังงานในสหรัฐฯ หรือการออกกฎหมายที่ “แฝง” เงื่อนไขพิเศษแก่กลุ่มผลประโยชน์ในยุโรป เรื่องเหล่านี้ตอกย้ำแนวโน้มว่ากฎหมายมักเป็นสนามประลองระหว่างอุดมการณ์กับผลประโยชน์

แต่ในอีกแง่หนึ่ง นี่คือบททดสอบโครงสร้างประชาธิปไตย—ประชาชนจะไว้ใจผู้มีอำนาจ ก็ต่อเมื่อกลไกตรวจสอบมีประสิทธิภาพพอ และประชาชนไม่ละเลยบทบาทพลเมืองของตน

รัฐกับเทคโนโลยี: ข้ออ้างใหม่ในยุคเปลี่ยนผ่าน

เมื่อเทคโนโลยีพลังงานสะอาดถูกหยิบมาเป็นข้ออ้างในการออกกฎหมาย—เช่นโซลาร์เซลล์—เราอาจต้องย้อนคิดต่อไปว่า:

  • รัฐควรมีบทบาทอย่างไรในการแปลงวิทยาการให้เป็นโอกาสสาธารณะ?
  • การเข้าสู่ตลาดพลังงานของภาคประชาชนจะถูกเบียดขับโดยกลุ่มทุนใหญ่หรือไม่?
  • เราจะป้องกันไม่ให้ “กระบวนการดี” กลายเป็นแค่เปลือกนอก ได้อย่างไร?

ข้อคิดและคำถามเปิด

ท้ายที่สุด ร่างกฎหมายใดๆ อาจเป็นได้ทั้งเครื่องมือแห่งความหวังและกับดักแห่งผลประโยชน์ หากปราศจากการตั้งคำถามและตรวจสอบอย่างจริงจัง เราอาจกลายเป็นเพียงผู้เสพข่าว มากกว่าผู้ร่วมกำหนดทิศทางประเทศ

เพราะประโยชน์ส่วนรวม เกิดขึ้นได้จริงหรือ เมื่อเงาของผลประโยชน์ส่วนบุคคลยังทาบทับแผ่นกระดาษของกฎหมาย? หรือเราควรนิยาม "ประโยชน์ชาติ" ใหม่ในยุคนี้?


This article was inspired by the headline: 'ตรีรัตน์ ลั่น พีระพันธุ์ ร่วมรัฐบาลต่อเพื่อชาติหรือผลประโยชน์ หลังพบพิรุธในร่าง กม. โซลาร์เซลล์ - ประชาชาติธุรกิจ'.

Language: -

Comments

No comments yet. Be the first to comment!

0/2000 characters