คุณเพิ่งโดนเตือนแรงๆ ว่าโลกใบนี้พร้อมเขย่าคุณให้ล้มเหลวได้ทุกเมื่อ—แต่คุณกลับไถฟีดต่อแบบไร้เยื่อใย ไม่เคยสงสัยเหรอ ทำไมทุกครั้งที่ข่าวแผ่นดินไหวในเมียนมา หรือเกาะนิโคบาร์โผล่ขึ้นมา อยู่ห่างจากชายแดนไทยไม่กี่ร้อยกิโลเมตร คุณแค่พึมพำ "โชคดีจังที่มันไม่ถึงบ้านเรา" แล้วก็ซุกหัวกลับไปในเปลือกความสบาย
นี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่มันคือปรากฏการณ์เพิกเฉยของมนุษย์! ทุกปี แผ่นดินไหว นับสิบๆ ครั้ง สะเทือนไทยทุกครั้งที่มันใกล้ขึ้นมาอีกนิด แต่มาตรการรับมือเราขยันโยกเยกพอๆ กับเวลาที่แผ่นดินโยกเอง—หน่วยงาน องค์กร รัฐ สังคม ครู พ่อแม่ #ใครรับผิดชอบเมื่อบ้านพัง หัวใจแตก?
ลองมองลึกๆ ไปดูกระจกดวงใจ มันน่าขำหรือหน้าสลดกันแน่ที่ลูกหลานรุ่นใหม่ รู้จักเกมไททันมากกว่าแผนออกจากอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว? ที่เราสวดมนต์ไล่ภัยแต่ขี้เกียจซ้อมหนีภัย เพราะยังไม่เคยเห็นศพซ้อนศพมหึมาหน้าโรงเรียน?
ประเทศไทยไม่ได้นิ่งเพราะปลอดภัย แต่เพราะขาดความรับผิดชอบแบบหมู่—พึ่งพาระบบที่เต็มไปด้วยข้ออ้างและกระดาษเปลืองน้ำหมึกมากกว่าคลื่นความรู้ แผ่นดินไหวถูกมองเป็นของแปลก เหมือนไวรัสที่รอข้ามแดน แทนที่จะเอาจริงเอาจังกับการเตรียมรับมือ ประชาชนกลับถูกปล่อยให้เชื่อว่า "ยังไม่ถึงคิวเรา"—แต่ถ้า 'คิวนั้น' มาถึง จะมีเสียงใครดังพอให้โลกหันมาฟัง?
พอเถอะกับชีวิตสบายจนสันหลังยึด ตื่นเต้นฉาบฉวยทุกครั้งที่เห็นคำว่า "แผ่นดินไหว" บนแถบข่าว แล้วก็เงียบงันราวกับโลกไม่มีเรื่องน่าสยองต่อไป ยอมรับเสียเถอะ—พวกเราเป็นสังคมที่ไม่เรียนรู้ นอกเสียจากวันศพชนกันจนไม่มีที่ฝังจริง ๆ
คุณจะเลือกเป็นใคร—มนุษย์ที่ตื่นขึ้นมาเพราะถูกปลุกด้วยภัยพิบัติ หรือมนุษย์ที่ถูกภูเขาฝุ่นกลบไปเพราะมัวแต่รอเสียงเตือนจากกรมอุตุฯ?
Comments
No comments yet. Be the first to comment!